วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เวลาไปบริจาคเลือด ต้องทานธาตุเหล็กที่เขาให้มาทึกครั้งนะ

เรื่องของเรื่องคือ เป็นคนไม่ชอบกินยา และไม่ชอบกลิ่นคาวเลือดเท่าไหร่ เครื่องในสัตว์ไม่หิน และคิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแรง ปรกติ ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร เพราะคิดว่า หากใช้ชีวิตสมดุลพอดี โรคภัยจะห่างเราไปเอง แต่ความสมดุลของชีวิต มันก็ใช่จะพอดีไปเสียทุกอย่าง เพรมะเราควบคุมความเป็นไปของร่างกายไม่ได้ (ไม่ได้เข้าเรื่องศาสนานะ เดี๋ยวๆๆๆ)

ระยะหลัง 2-3 ปีมานี้ เข้าไปให้เลือด จะไม่ผ่านเพราะเกล็ดเลือดต่ำ ในใจก็คิดว่ส้พราะนอนน้อย พักผ่อนไม่พอรึเปล่า ไปๆมาๆ หลังสุด เมื่อสองอาทิตย์ก่อน มาถึงสภากาชาด หมอที่นั่นเจาะเลือดเชคให้ จากที่ต้องการไม่น้อยกว่า 12 เรามีแค่ 9.8 เท่านั้น (มองดูเหมือนไม่มากเนอะ)

ไปคุยกะหมอ ที่วิเคราะห์ตัวอย่างเลือด ท่านถามว่า เคยกินยาที่ให้ไปบ้างไหม? เราบอกว่าไม่เคยเลย ท่านบอกว่า เวลาเราบริจาคเลือดไป (9 ครั้งละ) เกล็ดเลือดมันก็จะน้อยลงไปด้วย ถ้าเราไม่กินธาตุเหล็กเข้าไป เกล็ดมันก็ถูกสร้างขึ้นมาไม่ได้ และเมื่อไม่กินผัก ไข่ และเครื่องในสัตว์ ก็ไม่สามารถสร้างเกล็ดได้เหมือนกัน เรามีแต่เอาออก แต่ไม่เอาเข้าเลย สักวันมันก็จะหมด และให้ยามามากกว่าคนอื่น 4 เท่า แฮ่............

ธาตุเหล็กมีไว้สร้างเกล็ดเลือด แต่ก็ต้องอาศัยผัก และไข่ ในกระบวนการสร้าง ต่อให้กินผักและไข่ทุกวันแต่ร่างกายไม่มีธาตุเหล็ก ก็จะไม่เกิดการสร้าง

เคยคิดว่า ธาตุพวกนี้ ประเดี๋ยวมันก็จะเกิดขึ้นเองตามกระบวนการของร่างกาย แต่คิดผิด ถ้าไม่เคยบริจาคเลือด ก็อาจจะไม่ประสบสภาวะเช่นนี้ 

ธาตุเล็ก โฟลิท ที่เขาให้มา เป็นอาหารเสริม หมายถึง หากดินมากเกินไป ร่างกายจะขับออกมาเอง ไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไร แต่ร่างกายต้องนำไปใช้ในกระบวนการผลิตต่างๆ หากไม่มี ร่างกายก็จะเป็ยได้เท่าที่เป็น มีแต่แย่ลง ไม่มีดีขึ้น เพราะร่างกายต้องการสารอาหารทึกประเภท ในการผลิตทึกอย่างเช่น เลือด หรือฮอร์โมน หากใครคิดว่าร่างกายเริ่มขาดกระบวนการผลิตอะไรสักอย่าง ก็ลองคิดดูว่าตัวเองขาดอะไร และำปหาอาหารเสริมมากินซะ 

การกินอาหารเสริม ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่เคยเข้าใจกันว่า กินอาหารเสริมแล้วไม่ดีต่อตับนั้น ก็ให้คำนึงถึงตรงนี้คือ ให้ศึกษาดูว่า ร่างกายรับได้เท่าไหร่ต่อวัน อย่าง วิตามินซี ร่างกายรับได้ 1000 mg ต่อวัน เราก็กินสัก 500 พอ เมื่อไม่เกินที่ร่างกายจะต้องขับออก ตับก็จะไม่ต้องทำงานหนัก 

วันๆ ร่างกายเรากินอะไรที่ไร้ประโยชน์ มากมาย ต่งนั้นตะหาก ที่เราควรระวังด้วยว่า จะทำให้ตับไต ทำงานหนัก เพราะต้องสร้างฮอร์โมนมาขับมันออก หนักกว่าตับไต คือหัวใจและปอด ไม่กินอาหารเสริม ก็รักษาตัวเองให้ดีก็แล้วกัน 

เอวัง

29 ตุลาคม 2560




วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เพิ่งรู้ ประจำเดือน เลื่อนเข้า-ออกได้

Love is all around (@iSweetYim) tweeted at 7:15 PM on Sun, Oct 18, 2015:
เพิ่งรู้ ประจำเดือน เลื่อนเข้า-ออกได้ นึกว่าเลื่อนออกไปได้อย่างเดียว http://t.co/ATdOwEntZv
(https://twitter.com/iSweetYim/status/655718791184183297?s=03)

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความเห็นของคนอื่น มีผลกับคำตอบของเราเท่าไหร่

Love is all around (@iSweetYim) tweeted at 0:20 PM on Mon, Oct 05, 2015:
ความเห็นของคนอื่น มีผลกับคำตอบของเราเท่าไหร่ ลองดูการทดลองนี้ดู แล้วมองตัวเอง https://t.co/asefD89qeC
(https://twitter.com/iSweetYim/status/650903444136460288?s=03)

https://youtu.be/FnT2FcuZaYI

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

4 เหตุผล ควรกินไข่เป็นอาหารเช้า

4 เหตุผล ควรกินไข่เป็นอาหารเช้า

1. ไข่ 1 ฟองมีคอเลสเตอรอลมากถึง 210 มิลลิกรัมก็จริง แต่ผลวิจัยพบว่า คนที่กินไข่สัปดาห์ละ 4 ฟองมีคอเลสเตอรอลต่ำกว่าคนที่กินไข่สัปดาห์ละ 1 ฟองหรือไม่กินไข่เลย

กลไกที่อาจเป็นไปได้คือ ไข่มีโปรตีนสูงและมีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างต่ำ ทำให้อิ่มนาน และความอิ่มนี่เองมีส่วนทำให้กินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อ อาหารประเภท "ผัดๆ ทอดๆ" ฯลฯ ลดลง

ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้คอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดสูงคือ ไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู การกินเนื้อมากเกิน (เนื้อที่เห็นเป็นเนื้อแดงก็มีไขมันแฝงอยู่มาก) ฯลฯ และที่ร้ายที่สุดคือ ไขมันทรานส์หรือไขมันแปรสภาพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำไขมันพืชไปเติมไฮโดรเจน ทำให้เกิดเป็นเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม (คอฟฟี่เมต) ที่ใช้ทำเบเกอรี ขนมกรุบกรอบ อาหารฟาสต์ฟูด

แนวทางในการลดคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดหลักคือ การลดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ รองลงไปคือ การออกแรง-ออกกำลังให้มากพอเป็นประจำ และการกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลให้น้อยลง

2. ไข่มีโคลีนสูงถึง 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน ซึ่งโคลีนเป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น และยังป้องกันเส้นเลือดอุดตันได้อีกด้วย

ไข่ 1 ฟองให้โคลีนมากประมาณ 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน การกินไข่จึงเปรียบคล้ายการซื้อ "ประกันชีวิต" ในเรื่องอาหารคุณค่าสูงว่า โอกาสขาดสารอาหารจะลดลงไปมากมาย

โคลีน (choline) เป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะผนังเซลล์ของสมองและเซลล์ประสาท เป็นองค์ประกอบของสารสื่อประสาทที่สมองใช้ในการสื่อสารภายใน (คล้ายๆ จุดเชื่อมหรือ router ของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งของโคลีนคือ มันออกฤทธิ์ต้าน (ลด) การอักเสบ หรือป้องกันไม่ให้ธาตุไฟในร่างกายกำเริบได้ในระดับหนึ่ง

การอักเสบนี้มีผลมากเป็นพิเศษที่ผนังหลอดเลือด เนื่องจากผนังหลอดเลือดที่มีการอักเสบจะบวม และสูญเสียความ "เรียบลื่น (ปกติจะลื่นคล้ายๆ กระทะเคลือบเทฟลอน)" ทำให้คราบไขมันไปพอก หรือเกล็ดเลือดไปเกาะกลุ่มได้ง่าย

3. ไข่แดงช่วยบำรุงสายตา เพราะมีสารลูทีน-ซีแซนทีน ทำให้ความเสี่ยงเป็นโรคตาเสื่อมสภาพ หรือตาบอดในคนสูงอายุลดลง

ลูทีน-ซีแซนทีนเป็นสารพฤกษเคมีหรือสารคุณค่าพืชผักกลุ่ม "สีเหลือง-แสด" ช่วยปัองกันจอรับภาพ (retina / เรทินา) โดยทำหน้าที่เป็นตัวกรอง (คล้ายๆ กับเป็นแว่นกันแดดชั้นดี) แสงสีน้ำเงินหรือฟ้า และรังสี UV (อัลตราไวโอเลต / ultraviolet) ทำให้ความเสี่ยง (โอกาสเป็น) โรคตาเสื่อมสภาพ หรือตาบอดในคนสูงอายุ(age-related macular degeneration / ARMD) ลดลง

แน่นอนว่า การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า แสงไฟจ้า หรือการอยู่หน้าจอ TV, จอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นการดีที่สุด ทว่า ถ้าจำเป็นต้องทำงานกลางแดด ชมโทรทัศน์ หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละนานๆ การพักสายตาอย่างน้อยทุกๆ 1-2 ชั่วโมง และการกินอาหารที่มีลูทีน-ซีแซนทีนสูง เช่น ผักใบเขียว (เช่น บรอคโคลี ฯลฯ) ถั่วที่มีสีเขียว ข้าวโพด ฯลฯ ก็ช่วยได้มาก

4. ไข่ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากมีโปรตีนสูง ทำให้อิ่มนาน

การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า คนที่กินไข่เป็นอาหารเช้ามีโอกาสลดน้ำหนักและเส้นรอบเอวสำเร็จมากกว่าคนที่กินขนมปังเป็นอาหารเช้า กลไกที่อาจเป็นไปได้คือ ไข่มีโปรตีนคุณภาพสูง ทำให้อิ่มนาน และอย่าลืมว่า ไม่ใช่กินอาหารเท่าเดิมแล้วเสริมไข่เข้าไป แต่ต้องใช้หลัก "อาหารทดแทน" ด้วย คือ กินไข่เข้าไป แล้วลดอาหารอย่างอื่นให้น้อยลงจึงจะได้ผล

เคล็ดไม่ลับในการกินไข่

1. กินพอประมาณ
คนที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว และไม่มีความเสี่ยงต่อโรคสูง กินไข่ได้วันละ 1 ฟอง คนที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงต่อโรคสูง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นโรคโคเลสเตอรอลสูง ฯลฯ ควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนกินไข่

2. เวลาซื้อต้องหมุนไข่ อย่าซื้อไข่ที่มีรูทะลุหรือรอยแตก

3. เก็บไข่ในตู้เย็นจะเก็บไข่ได้นานขึ้น
ส่วนประตูตู้เย็นมักจะเย็นน้อยกว่าส่วนกลางตู้เย็น

4. ฟอกไข่ด้วยฟองน้ำล้างจานกับสบู่หรือน้ำยาล้างจาน
ล้างมือหลังหยิบจับเปลือกไข่ดิบทุกครั้ง เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคท้องเสียติดไปกับเปลือกไข่ได้ จากสถิติของสหรัฐฯ พบว่า โอกาสพบเชื้อท้องเสีย (salmonella) ในไข่มีประมาณ 1 ใน 30,000 ฟอง

5. กินไข่สุก อย่ากินไข่ดิบ
ไข่ดิบ เช่น ไข่ลวก ฯลฯ มีโปรตีน (avidin) ที่จับวิตามิน B ที่ชื่อ ไบโอทิน (biotin) ทำให้การดูดซึมลดลง และควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่อาจมีไข่ดิบผสมอยู่ เช่น ไอศกรีมทำเอง (home-made = ทำที่บ้าน นอกโรงงาน) น้ำสลัดซีซาร์ ฯลฯ นอกจากนั้น เวลาทำขนมหรือคุกกี้ใส่ไข่ดิบ ไม่ควรชิมในช่วงที่ขนมหรือคุกกี้ยังไม่สุก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ และอาจารย์กฤษฎี โพธิทัต นักกำหนดอาหารตีพิมพ์เรื่อง "เมนูไข่...ไข่...ไข่..."

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

UC II

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12837047


โน้ทเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะมาเขียนใหม่ทีหลัง 

UCII หรือ Undenatured Collagen Type 2 ซึ่งเป็นสารที่ไม่ถูกแปลงสภาพโมเลกุล ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ 

UCII ช่วยในกระบวนการยับยั้งการทำลายกระดูกอ่อน / ช่วนในการฟื้นฟกระดูกใหม่ 
Meriva (ในขมิ้น) ช่วยลด / ระงับอาการอักเสบของข้อ 
เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่า ไม่มีผลข้างเคียงและไม่มีสารตกค้างเมื่อทานติดต่อกันเป็นเวลานาน

*UCII ได้ถูกนำมาใช้เพื่อทดแทน Glucosamine ซึ่งกลูโคซามีน ถือว่าเป็นยา แต่ UCII นับเป็นอาหารเสริม 

- เหมาะสำหรับ กลุ่มผู้ใช้ที่มีปัญหาสุขภาพข้อเสื่อม* และผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพข้อต่อที่จะเกิดการเสื่อมตามธรรมชาติ ตามกิจวัตรประจำวัน 
- หลีกเลี่ยงหรือป้องกันอาการเสื่อมของข้อต่อในร่างกายตั้งแต่ระยัเริ่มต้น*
- ช่วยลดอการอักเสบ ปวดของข้อต่อ*
*These statement have not been evaluated by the Food and Drug Administration. This product is not intended to diagnose, treat, cure or prevent any disease.  

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

FW: วิธีประหยัดไฟค่าแอร์ปีละ 12,500 บาท ต่อห้องนอน

งานเขียนของใครไม่ทราบ ไม่รู้ค่าไฟ แต่อย่างน้อย เราก็ว่าจริง 
ตรงที่ ตอยกลางคือ อากาศเย็นลง ไม่ต้องเปิดแอร์ จนเย็นเกินไปก็ได้ 
หลับสบายเหมือนกัน 
เสื้อผ้าไม่ต้องหนา ไม่ต้องใช้ผ้านวมห่ม 
เปิดพัดลงคลอ น่าจะประหยัดค่าไฟได้เยอะ 

อ้อ แล้วช่วงเย็นเปิดพัดลม และหน้าต่างระบายความอบอ้าวในห้องนอน 
ช่วยได้เหมือนกัน 
ลองๆ ดู 



  *วิธีประหยัดไฟค่าแอร์ปีละ  12,500 บาท ต่อห้องนอน*

วันนี้โลกร้อน  แอร์(คอนดิชั่น)กลายเป็นสิ่งจำเป็นไปเสียแล้วสำหรับคนเมือง
แต่ค่าไฟแอร์มันแพงมาก เช่น แอร์ขนาด 1 ตัน ที่ใช้ในห้องขนาดเล็กทั่วไป
จะมีความต้องการไฟฟ้าประมาณ 1500 watts ถ้าเปิดวันละ 10 ชม.  ค่าไฟ 3.5
บาทต่อหน่วย
ก็จะต้องเสียค่าไฟปีละ ประมาณ 19,000 บาท
แต่แอร์มันมีการตัดไม่ทำงานอยู่บ้างสัก 20%  (แล้วแต่ระดับการตั้งอภ)
ดังนั้นค่าไฟประมาณปีละ 15,000 บาท ...โห
เงินเดือนป.ตรีเดือนนึงก่อนหักภาษีเลยนะเนี่ย

ส่วนใหญ่หน่วยงานรัฐไทย ภายใต้การแนะนำของวิศกรเครื่องกลไทย จะแนะนำปชช.
ให้ตั้งอภ.ไว้ที่ ๒๕ อศ. และ ความชื้นสัมพัทธ์ที่ ๕๐%
ซึ่งเป็นการลอกฝรั่งมาทั้งดุ้น
(เหมือนหมอเลยที่ไปลอกอาหาร ๒๐๐๐ แคลอรี่ น้ำแปดแก้ว
อาหารห้าหมู่จากฝรั่งมาให้คนไทยกินจนอ้วนเป็นหมูตอนกันทั้งประเทศไปแล้ว)

ผมได้พยายามโพนทะนามาอย่างไร้ผลในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมาว่า ของไทยเรา
ควรกำหนดอภ. ที่ ๒๗ ความชื้นที่ ๗๐  ...เพียงแค่นี้ค่าแอร์จะลดจาก ๑๕๐๐๐ เหลือ
๑๐๐๐๐ ทันที ..ผมว่า  ในขณะที่ยังรู้สึกสบายดี  เพราะสำหรับคนไทยเรา ๒๕/๕๐
นั้นมันหนาวเกินไปแล้ว บางคนป่วย บางคนคลุมโปงมิด (ขาดอากาศหายใจอีกต่างหาก)

ถ้าใช้ชุดนอนโปร่งๆ ไม่ห่มผ้าหนา จัดไว้ที่ ๒๘ ยังได้เลย  ก็ลดลงเหลือ ๘๐๐๐

ยัง ยังไม่พอ  ผมเสนอ ให้ตั้งที่ ๓๐ แล้ว เอาพัดลมตั้งพื้นราคา ๑๐๐๐ บาท
มาเป่าเตียงนอนแบบส่ายไปมา   พัดลมนี้กินไฟเพียง ๕๐ วัตต์  เปิด 10 ชม.
ต่อวันตลอดปีเสียค่าไฟ  630 บาท  แต่จะลดค่าไฟแอร์ จาก ๘๐๐๐ เหลือ ๒๐๐๐
เท่านั้น ...เหลือเชื่อนะครับ

ทั้งนี้เพราะพอเลยเที่ยงคืนไปแล้ว อภ. มันต่ำกว่า ๓๐ แล้ว ครับ
แอร์ก็ไม่ทำงานถึงเช้า ส่วนเราก็หลับแล้วเป็นส่วนมาก
ไม่ว่าจะหลับหรือไม่ก็เย็นสบายดีเพราะพัดลมจะทำงานตลอด
ทำให้เรารู้สึกสบายเหมือนว่าอยู่ในอภ. ๒๗ อศ. (ซึ่งกำลังดีสำหรับคนไทย
ทำให้ไม่เป็นโรคจากความเย็นเกินไปอีกต่างหาก)

เที่ยงคืนถึง ๘ โมงเช้า เราไม่เสียค่าไฟแอร์เลย (1500 w.) แต่เสียพัดลม 50 w.

สรุปรวมคือ เราจะเสียค่าไฟแอร์เพียงปีละ ๒๐๐๐ บาท และพัดลมอีก ๖๐๐ บาท
ประหยัดได้ ๑๒,๕๐๐ บาท (ซึ่งกฟผ กฟภ กฟน  คงไม่ชอบ เพราะขายไฟได้น้อยลง)

ยัง ยังไม่จบ  สามารถประหยัดได้มากกว่านี้อีก
ในขณะที่กินข้าวดูทีวีตอนหัวค่ำ  ควรเข้าไปแง้มหน้าต่างห้องนอนนิดนึง
แล้วเปิดพัดลมไล่อากาศร้อนออก   ...ไม่ใช่อากาศร้อนเฉยๆนะ  แต่ผนังปูนร้อนๆ
ที่มันอมความร้อนไว้มหหาศาลด้วย

วิธีนี้จะช่วยประหยัดแอร์ได้อีก  และเพิ่มความสุขสบายด้วย
จากการที่ห้องนอนจะเย็นอย่างรวดเร็วทันทีที่เปิดแอร์
ไม่งั้นครึ่งชม.แรกก็ยังร้อนอยู่ จากการที่ปูนมันแผ่รังสีออกมา

เรื่องนี้ เชื่อไหมว่า เอาไปทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเครื่องกล หรือ
พลังงาน ได้สบายๆ   ประหยัดเงินให้ชาติปีละ แสนล้านบาท สบายๆ
(แบ่งให้ผม คนต้นคิดมั่งก็ดีนิ)

...คนถางทาง (๒๔ มกราคม ๒๕๕๖)