วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

Social Network

เมื่อวาน ได้ดูหนังเรื่อง Social Network ที่เป็นเรื่องราวของผู้ก่อนตั้ง facebook.com ที่เป็น Social Network ระดับ Topๆ ของโลกเลยทีเดียว ยอมรับว่า ถึงแม้ไม่ได้ใช้มากมาย แต่ก็มี account อยู่ ในตอนแรกๆ ไม่ได้อยากใช้อะไร เพราะมองเห็นว่า การดึงคนเข้าร่วม หรือ invite friends ของเขานั้น logic ไม่ได้อยู่ที่ว่า "คุณอาจจะรู้จักใคร" เหมือนอย่าง label ที่เขาแปะไว้ แต่มันคือการดึง "บุคคลอื่น" เข้าร่วม "สังคายนา" เรื่องส่วนตัวของเรา มากกว่า"แบ่งปัน" อย่างที่เขาแปลไว้เช่นกัน ไม่แปลกเลย หนังเรื่องนี้ คนดูที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องของ ตรรกะเครือข่าย ดูแล้วต้องงง ว่า ไอ้หนุ่มตัวเอกของเรื่องนั้น มันพูดและทำอะไรบ้าง ที่ทำให้ถูกเรียกว่า Asshole


ไม่ถึง 5นาทีแรก ก็พอรุ้แล้วว่า ไอ้หนุ่มคนนี้จะต้องลงเอยอย่างไร เพราะเคยเจอคนแบบนี้ (แทบจะเหมือนเป๊ะ) อยู่เหมือนกัน และลงท้าย มันก็เหมือนกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสำเร็จ เสียเพื่อน และ อ้างว้างโดดเดี่ยว


ตั้งแต่ต้นเรื่อง หนุ่มมาร์คพยายามออกเดทกับหญิงสาว ซึ่ง ก็คงแค่ออกเดทกันตามประสา ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรต่อกัน และต่างฝ่าย ต่างไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรต่อกัน ก็แค่ พูดคุยกัน ตามประสาคนรู้จัก หรืออยากมีเรื่องคุยบ้าง ฝ่ายหนุ่มทำตัวเนิร์ดสุดขีด และคิดว่าฝ่ายหญิงคงคิดไม่ทันตามไม่ทัน เมื่อถูกดักคอ หรือไต่ถามอะไรที่ไม่อยากตอบ กลับมองว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นคำ เพื่อเหน็บแนมหรือประชดประชัน ทั้งๆที่ตัวเองรู้สึกไปคนเดียว แต่ยัดเยียดความคิดของตัวเองให้กับคนอื่น ทำให้ฝ่ายหญิงต้องขอตัวและเลิกเดทวันนั้นอย่างไม่ค่อยแฮบปี้กันเท่าไหร่ แถมยังทิ้งท้ายให้ฝ่ายหนุ่มต้องสะอึกไปอีกว่า "หากวันไหนมีใครบอกว่า การที่คุณได้เป็นเจ้าพ่อคอมพิวเตอร์แล้วไปกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้เลย เป็นเพราะว่าคุณ 'เนิร์ด' ละก็ ผิดถนัด.. แต่เป็นเพราะว่าคุณมันห่วยแตก (asshole) มากกว่า"


ฝ่ายชายรู้สึกอับอาย กลับไปหาทางออกด้วยวิธีการเขียนบล่อก ด่าว่าฝ่ายหญิงว่า นิสัยไม่ดีบ้าง เสริมหน้าอกด้วยวิธีการต่างๆ บ้าง แล้วแต่อยากจะว่าไป ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาหลอกๆ เพื่อให้ฝ่ายหญิงได้อาย ณ ขณะนั้นเอง ก็ได้แรงบันดาลใจ ในการทำเวบขึ้นมา เพื่อค้นหาหญิงสาวที่มีฮ้อทฮิท ที่สุด (นัยคงต้องการให้ฝ่ายหญิงรู้ว่า ตัวเองไม่ได้มีค่า และความหมายอะไรกับใครเลย เพราะที่แน่ๆ ฝ่ายหญิงไม่ได้เข้าทำเนียบ บุคคลที่ใครๆต้องการ)


หลังจากนั้น เป็นเรื่องระหว่างการหักเห และการตัดสินใจของตัวเอกว่า เลือกเพื่อนชนิดไหน เลือกใครไว้ข้างตัว เลือก.. ที่จะทิ้เพื่อนที่เข้ามาปลอบใจเวลาอกหัก เพราะคนไร้ค่าคนหนึ่ง ที่ล้มเหลว แต่ล้มละลาย (ความจริงเราชอบณอนนะ และเราก็เคยรู้สึกรัก และขอบคุณ เนปสเตอร์มาก ได้เพลงเป็น กิ้กๆ เลยสมัยนั้น) ความจริง คนล้มละลายไม่ใช่คนที่ไม่น่าคบ แต่การที่คุณ"ทิ้งเพื่อน"ที่ทำอะไรเพื่อคุณมากมาย เพราะว่าเขาไม่ช่วยคุณสร้างฝัน หรือช่วยให้ฝันคุณเป็นจริงไม่ได้ มันเป็นการกระทำที่เลวทราม และไร้าค่าแบบโง่ๆมากมาย แม้คุณจะได้เงินทองถึง 5000ล้านเหรียญ แต่ไม่มีใคร "เพิ่มคุณเป็นเพื่อน" ในตอนสุดท้าย มันจะมีความหมายอะไร? 


สุดท้าย หลอกเพื่อนให้หมดตัว ไล่เพื่อนออกจากรายชื่อผู้ก่อนตั้ง และมารู้ทีหลังว่า เป็นคนที่ทำให้เพื่อนได้อาย และอาจจะไม่ได้เรียนต่อ เพราะว่า เพื่อนเป็นคนที่ "ถูกเลือก" มากกว่าตัวเอง อิจฉา และทำลายเพื่อน (หรือความจริงแล้ว ที่คบคนๆนั้นเป็นเพื่อน เพราะต้องการเงินมาจ่ายค่าบริการ server หรือเปล่าหนังไม่ได้บอกไว้ แต่ด้วยการวิแคะแล้ว เราว่าใช่!! เพราะเมื่อได้เงินจากผู้สนับสนุนรายใหม่ป๊บ ก็เขี่ยเพื่อนกระเด็นจากหุ้นส่วนทันที)


ท้ายสุด เพื่อให้ทุกอย่างจบไป ต้องจ่ายค่ายอมความให้หลายๆ ฝ่าย เจรจาให้เพื่อนยกฟ้อง ใช่.. สุดท้ายเหลือเงิน แต่ เอาไปทำอะไรนักหนา มีเงิน ก้ซื้อคนบางคนได้ แต่คนที่เราอยากให้เขาอยู่กับเราน่ะ ไม่ได้มาด้วยเงินหรอกนะ.. 


You don't get to 500 million friends without making A FEW ENEMIES....... เป็น quote ที่น่าฟัง แต่ตามท้องเรื่องแล้ว เขาไม่ได้ get 500 million friends เลย เขาแค่ get to be a 5000 millionaire ตะหาก เพราะเขาไม่เหลือ friends เลย แล้วถ้า someone ไม่สำคัญกว่า anyone แล้ว ตอนสุดท้าย เขาจะต้องพยายาม add friend กับผู้หญิงต้นเรื่องไปทำไมกัน จริงมั้ย?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น